“อีลอน มัสก์” เสียแชมป์บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก ให้เจ้าของหลุยส์ วิตตอง

อีลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์และซีอีโอเทสลา เสียตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เมื่อวันพุธ อ้างอิงจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส จากมูลค่าหุ้นเทสลาที่ร่วงลงอย่างมาก และมหากาพย์ดีล ทวิตเตอร์ 44,000 ล้านดอลลาร์

อีลอน มัสก์ รูปที่2

อีลอน มัสก์ เสียแชมป์ให้กับ เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์

รอยเตอร์อ้างอิงรายงานของนิตยสารฟอร์บส ที่ระบุว่า อีลอน มัสก์ เสียแชมป์ไปชั่วคราวเมื่อวันพุธให้กับเบอร์นาร์ด อาร์โนลด์ วัย 73 ปี ซีอีโอของ LVMH ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton, Christian Dior และ Givenchy และยังเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องสำอางค์ Sephora ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 184,700 ล้านดอลลาร์

เขา ช่วงชิงตำแหน่งนี้มาจากเจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ตามการจัดอันดับของฟอร์บส มาตั้งแต่เดือนก.ย.ปีก่อน มีทรัพย์สินมูลค่า 185,400 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของฟอร์บส
ณ บ่ายวันพุธ

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขา ลดลงต่ำกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์เมื่อวันพุธ หลังจากที่ผู้ลงทุนเทขายหุ้นเทสลา จากความกังวลว่าผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารายนี้จะทุ่มเทให้กับทวิตเตอร์มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน

นอกจากเทสลาแล้ว เขายังได้บริหารบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ สเปซเอ็กซ์ และนิวรัลลิงค์ สตาร์ทอัพที่พัฒนาชิปฝังใส่สมองซึ่งจะเชื่อมต่อสมองมนุษย์กับระบบคอมพิวเตอร์อีกด้วย

อีลอน มัสก์ รูปที่3

เปิดประวัติ “อีลอน มัสก์”

อีลอน รีฟ มัสก์ เกิดวันที่ 28 มิ.ย. 1971 ที่กรุงพริทอเรีย 1ใน3เมืองหลวงของประเทศแอฟริกาใต้ ในครอบครัวที่มีพ่อเป็นวิศวกรชาวแอฟริกาใต้ และแม่เป็นนางแบบและนักโภชนาการที่มีเชื้อสายแคนาดา เขามีน้องชาย 1 คน และน้องสาว 1 คน

ช่วงวัยเด็ก เขามีความสนใจและมีพรสวรรค์ในเรื่องของคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมส์ จนเมื่ออายุได้ 12 ปี เขาก็ลงมือเขียนโค้ดวิดีโอเกม สร้างชื่อให้กับตัวเอง ต่อมาเขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยพริทอเรียเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่แคนาดาเมื่ออายุ 17 ปี เพื่อเลี่ยงเกณฑ์ทหาร โดยเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยควีนส์ ในรัฐออนแทรีโอของแคนาดา 2 ปีต่อมาจึงย้ายไปมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเรียนจบปริญญาด้านด้านเศรษฐศาสตร์และฟิสิกส์ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 1995 เพื่อเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะทุ่มให้กับธุรกิจของเขามากกว่า

เขาเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัทหลายแห่ง ตั้งแต่บริษัทเว็บซอฟต์แวร์ “ซิป2” ร่วมกันกับน้องชาย ก่อตั้งธนาคารออนไลน์ “เอ็กซ์ดอทคอม” ซึ่งถูกรวมกิจการกับบริษัทคอนฟินิตี และกลายเป็นบริษัทPayPalในปัจจุบัน ในเวลาต่อมาในช่วงปี 2002 เขาก่อตั้งบริษัทสเปซเอ็กซ์ บริษัทผู้ผลิตยานอวกาศและผู้ให้บริการขนส่งทางอวกาศ และเมื่อปี 2004 ก็ก่อตั้งและร่วมลงทุนในบริษัทเทสลาซึ่งได้ขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอ ในปี 2008 นอกเหนือจากเทสลาบริษัทดังกล่าว เขายังก่อตั้งบริษัทโซลาซิตี้ โอเพ่นเอไอ นิวรัลลิงก์ และบอริ่งคอมพานี นอกเหนือจากนี้ยังเป็นผู้เสนอแนวคิดเรื่องไฮเปอร์ลูป ระบบการเดินทางด้วยความเร็วสูงผ่านท่อสุญญากาศอีกด้วย

อีลอน มัสก์ รูปที่4

จุดเริ่มธุรกิจของ อีลอนมัสก์

เขาย้ายไปอยู่แคนาดาตอนอายุ 17 ปี โดยได้รับสัญชาติแคนาดาผ่านทางแม่ เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยควีนส์ ในเมืองคิงสตัน ที่ซึ่งเขาได้พบกับ จัสติน วิลสัน ภรรยาคนแรกของเขา โดยทั้งคู่แต่งงานและมีลูกชายถึง 5 คน เป็นแฝด 2 และแฝด 3 ก่อนที่จะหย่ากันในปี 2008

หลังจากเรียนที่มหาวิทยาลัยควีนส์ได้ 2 ปี เขาก็ย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียในสหรัฐอเมริกา เลือกวิชาเอก 2 ตัว แต่เขาไม่ได้เรียนอย่างเดียว เขากับเพื่อนนักศึกษาอีกคน ได้ซื้อหอพักขนาด 10 ห้องนอนและใช้เป็นเหมือนไนต์คลับส่วนตัว ก่อนที่เขาจะเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์เอกฟิสิกส์ และสาขาศิลปศาสตร์เอกเศรษฐกิจจากโรงเรียน วาร์ตัน

พออายุ 24 ปี เขาก็ย้ายไปแคนาดาเพื่อเรียนต่อปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แต่เนื่องจากยุคนั้นเป็นช่วงที่อินเทอร์เน็ตเฟื่องฟูขึ้นมาและซิลิคอนวัลเลย์กำลังบูม ก็ทำให้วิสัยทัศน์ในฐานะนักธุรกิจของมัสก์พรั่งพรู จนทำให้เขาล้มเลิกเรื่องการต่อปริญญาเอกทันที หลังจากสมัครได้เพียง 2 วัน

อีลอน มัสก์ รูปที่5

มหากาพย์การ เทกโอเวอร์ ทวิตเตอร์

เขาถือเป็นผู้ใช้งานเว็บไซต์ทวิตเตอร์ตัวยง ก่อนที่จะมีการเปิดเผยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า เขาถือหุ้นทวิตเตอร์ถึง 9.2% ทำให้คณะกรรมการของทวิตเตอร์เสนอตำแหน่งในบอร์ดบริหารแก่เขา ซึ่งเขารับก่อนที่จะปฏิเสธภายในไม่กี่วันต่อมา หลังจากนั้น เขาก็ส่งจดหมายถึงบอร์ดบริหารของทวิตเตอร์ เสนอที่จะซื้อบริษัทในราคา 54.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น

นั่นคือจุดเริ่มของมหากาพย์การซื้อทวิตเตอร์ของเขา โดยในตอนแรกบอร์ดของทวิตเตอร์ ไม่ต้องการที่จะขาย และใช้กลยุทธ์วางยาพิษ (poison pill) ด้วยการอนุญาตให้ผู้ถือหุ้นเดิม สามารถซื้อหุ้นออกใหม่ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม เพื่อลดการถือครองของนักลงทุนรายใหม่ และเพื่อไม่ให้เขาถือครองหุ้นมากขึ้นกว่าเดิม แต่สุดท้ายทวิตเตอร์ก็ตกลงขายบริษัทภายใต้ข้อตกลงมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

แต่ทว่าในเดือนก.ค. 2022 เขากลับพยายามที่จะถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าว อ้างว่าทวิตเตอร์ล้มเหลวในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้ปลอมและสแปมในระบบ ทำให้ทวิตเตอร์ยื่นฟ้องร้องมหาเศรษฐีรายนี้ เพื่อบังคับให้เขาทำข้อตกลงให้เสร็จ จากนั้นทั้งคู่ฝ่ายก็ต่อสู้กันทางกฎหมายเรื่อยมา

กระทั่งในวันที่ 3 ตุลาคม 2022 เขาก็กลับลำอีกครั้ง โดยบอกว่าเขาจะซื้อทวิตเตอร์ในราคาที่เขาเสนอไปในตอนแรกคือ 54.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ถ้าหากผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์เจ้านี้ยอมถอนฟ้อง ต่อจากนั้นในวันที่ 26 ตุลาคม เขาไปยังสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ที่ซาน ฟรานซิสโก พร้อมกับแบกอ่างล้างหน้า และเปลี่ยนข้อมูลประวัติบนหน้าทวิตเตอร์ของตัวเองใหม่ โดยใช้คำว่า “Chief Twit”
ก่อนที่จะปิดดีลซื้อขายในวันต่อมา ได้เป็นเจ้าของทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการ

อีลอน มัสก์ รูปที่6

Tesla กับ SpaceX

อีลอน มัสก์ เข้ามาส่วนร่วมธุรกิจกับ Tesla ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อ Tesla Motor ในฐานะนักลงทุนแรกเริ่มเมื่อปี 2004 โดยสนับสนุนเงินทุกจำนวน 6.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเข้าร่วมทีมบริหารบริษัทร่วมกับนาย มาร์ติน เอเบอร์ฮาร์ด ผู้รับตำแหน่งซีอีโอ อย่างไรก็ตาม เกิดความไม่ลงรอยกันหลายอย่างในบริษัท ทำให้นายเอเบอร์ฮาร์ดถูกถอดจากตำแหน่งในปี 2007 ก่อนที่เขาจะรับตำแหน่งซีอีโอ กับฝ่ายสถาปัตยกรรมผลิตภัณฑ์ และทำให้ Tesla กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

อีลอน มัสก์ รูปที่7

ขณะเดียวกัน เขาก็ใช้เงินส่วนใหญ่ที่ได้จากเงิน 180 ล้านดอลลาร์ที่ได้จากการขายหุ้น PayPal ในการก่อตั้งบริษัท เทคโนโลยีการสำรวจอวกาศ (Space Exploration Technologies Corporation) ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ SpaceX ในปี 2002 และปัจจุบันก็กลายเป็นผู้ผลิตจรวดนำส่งรายใหญ่ของโลก ได้ทำสัญญาณขนส่งกับองค์การนาซา และเขาวางแผนจะส่งนักบินอวกาศไปยังดาวอังคารให้ได้ภายในปี 2025 ด้วยความร่วมมือกับนาซา

อีลอน มัสก์ รูปที่8